เปิดงานไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่ World Expo 2020 หลังจากล่าช้าไปหนึ่งปีเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 นี่คืองานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีและเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก งานจัดที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึง 31 มีนาคม 2565 ยาวนาน 6 เดือน โดยงานนี้เป็นครั้งแรกที่จัดงาน World Expo ในตะวันออกกลาง โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชม 25 ล้านคน
World Expo 2020 ในปีนี้มี 3 ธีมหลักที่แบ่งเป็น 3 District ได้แก่
1. Sustainability District
2. Opportunity District
3. Mobility District
โดยมีเป้าหมายคือ “Connecting Minds and Creating The Future” หรือ “การเชื่อมโยงความคิดและสร้างสรรค์อนาคต” ซึ่งเป็นงานที่ดึงดูดให้คนทั่วโลกให้เข้ามาสัมผัสความหลากหลายของแต่ละประเทศจากทั่วทุกมุมโลกในงานเดียวผ่านการเยี่ยมชม Pavilion ด้วยการสัมผัสกับอัตลักษณ์ของประเทศต่างๆที่ถูกถ่ายทอดผ่านโขว์การแสดง ศิลปวัฒนธรรม และมัลติมีเดียมีเดียสุดล้ำ ภายในงานมีสถาปัตยกรรมและ Pavilion ให้ผู้เข้าขมได้ตื่นตาตื่นใจมากกว่า 190 แห่งเลยทีเดียว
เราคัดสรร 9 พาวิลเลี่ยนในงาน World Expo 2020 ที่ดีที่สุดมาให้ชมกัน
1. Sustainability Pavilion (Terra)
Sustainability Pavilion - Terra เป็นการออกแบบที่โดดเด่นของ Grimshaw Architects สำหรับงาน Expo 2020 Dubai โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากกระบวนการและรูปทรงที่ซับซ้อนของธรรมชาติ Pavilion นี้ทำหน้าที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการ รวมถึงนำเสนอภาพกิจกรรมของมนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเส้นทางวิถีชีวิตสู่อนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งผู้เข้าชมจะได้พบกับเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกที่ส่งเสริมความยั่งยืน และสัมผัสประสบการณ์ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติในอนาคตที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขั้นสุดได้อย่างไร
2. Netherlands Pavilion
Netherlands Pavilion ได้รับการออกแบบโดย V8 Architects ซึ่งสร้าง Pavilion ออกมาเป็น Biotope (ระบบนิเวศหรือสภาพแวดล้อมทางธรณีวิทยาที่มีสิ่งมีชีวิต) ชั่วคราวที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ สถาปัตยกรรม และเทคโนโลยี ภายใน Pavilion มีกรวยขนาดใหญ่เป็นองค์ประกอบหลักของการจัดแสดง โดยพื้นผิวของกรวยภายนอกปกคลุมไปด้วยพืชที่กินได้ ส่วนด้านในพื้นผิวถูกปกคลุมด้วยเห็ด โดยโครงสร้างคล้ายปล่องไฟทำหน้าที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิและความชื้น
นอกจากนี้ยังมีระบบที่กักเก็บน้ำในอากาศ เพื่อนำมาใช้ในสำหรับฟาร์มทรงกรวยแห่งนี้ ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนแบบล้ำสมัย และเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาสำหรับการขาดแคลนน้ำ การเปลี่ยนแปลงของพลังงาน และการขาดแคลนอาหาร ได้ผ่านการจัดแสดงในแบบจำลองขนาดเท่าจริง
3. Brazilian pavilion
สำหรับ Brazilian pavilion คือการยกลุ่มน้ำอเมซอนมาไว้ที่ทะเลทรายดูไบ โดยการเติมน้ำครึ่งหนึ่งของ Pavilion (4,000 ตารางเมตร) เพื่อจำลองสภาพแวดล้อมของประเทศบราซิล ซึ่งผู้เข้าชมสามารถสนุกไปการเล่นน้ำพร้อมๆกับการสัมผัสสภาพแวดล้อมของบราซิลผ่านเสียง กลิ่น และภาพจำลองบรรยกาศด้วยการฉายภาพผ่านโปรเจอเตอร์ขนาดใหญ่กว่า 140 ตัว ที่เปลี่ยนเมมเบรนโปร่งแสงบนโครงสร้างเหล็กให้เป็นหน้าจอขนาดใหญ่ นอกจากนี้เพื่อรับมือกับความร้อนที่มากเกินไปของดูไบ โครงสร้างทรงลูกบาศก์จะให้ร่มเงาในระหว่างวันและทำให้พื้นที่สว่างขึ้นด้วยจอแสดงผลดิจิตอลแบบ Interactive ในเวลากลางคืน
Pavilion นี้ถูกออกแบบโดย JPG.ARQ, MMBB และ Ben-Avid ซึ่งได้แสดงวิสัยทัศน์สุดเท่ห์ไว้ว่า “นี่เป็นโอกาสที่จะแสดงให้โลกเห็นว่าบราซิลให้ความใส่ใจกับความยั่งยืนเพียงใด และเราให้ความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างไร เมื่อเราพูดถึงความยั่งยืนนั่นหมายความว่า เราต้องเข้าใจว่าเราอยู่ร่วมกันเพื่อธรรมชาติ เพื่อประชาชนและเพื่ออนาคต เสาหลัก 3 เสานี้ต้องเชื่อมถึงกันเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม และงาน Expo เป็นเวทีที่ดีให้เราได้แสดงออกแนวคิดเหล่านี้ต่อคนทั่วโลก”
4. Italy pavilion
Italy Pavilion ในงาน Expo 2020 Dubai นี้ใช้สถาปัตยกรรมในการนำเ
สนอความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ในแนวความคิด “ความงามที่เชื่อมผสานผู้คน beauty that connects people” โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง Carlo Ratti, Italo Rota, Matteo Gatto และ F&M Ingegneria
องค์ประกอบของอาคารนั้นเป็นการสร้างสรรค์ขึ้นด้วยการออกแบบ ระบบอาคารที่ดีที่สุด ผสานกับเทคโนโลยี และนิทรรศการที่ยอดเยี่ยมอย่างลงตัว เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถทางนวัตกรรมด้านความยั่งยืน เศรษฐกิจหมุนเวียน และสถาปัตยกรรมดิจิทัล
5. Korean Pavilion
“Smart Korea, Moving the World to You” คือแนวความคิดของ Korean Pavilion ซึ่งหมายถึงสมาร์ทเกาหลี ขับเคลื่อนโลกสู่คุณ ที่สื่อให้ผู้ชมรับรู้ว่าเป็นการเชื่อมต่อใหม่และการสร้างโอกาสในการเคลื่อนที่สู่อนาคตที่เปลี่ยนไปสู่สังคมที่มีการเชื่อมต่อแบบไฮเปอร์ (hyper-connected society) อีกทั้งผู้เข้าชมสามารถสัมผัสประสบการณ์การเชื่อมต่อเสมือนจริงไปยังเกาหลีใต้ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้ตื่นตาตื่นใจกับขอบเขตการเดินทางที่ไม่รู้จบ
นอกจากนี้ที่ด้านหน้าของศาลาเป็นการแสดงภาพและสีต่างๆ ผ่านลูกบาศก์ที่หมุนได้ “Mass_ity” (Mass + city) สะท้อนให้เห็๋นถึงความความสัมพันธ์ระหว่างมวลชนกับเมืองต่างๆ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์แบบไดนามิก Pavilion นี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก MOOYUKI (Moon Hoon + Seong Bong Yun + Dong Gyu Kim
6. Opportunity Pavilion (Mission Impossible)
Pavilion นี้มีโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นแบบสถาปัตยกรรมสากล โดยมีหลังคาที่ลอยอยู่เหนือพื้นดิน 32 เมตร รูปทรงคล้ายก้อนเมฆเป็นสัญลักษณ์ของความฝันและความทะเยอทะยานของผู้คน ประกอบด้วยผ้าหกชั้นติดตั้งบนโครงสร้างโลหะ โดยจะสะท้อนกับแสง เงา และแสงสีตลอดวัน ซึ่งการออกแบบนี้สะท้อนให้เห็นถึงการกระทำเพียงเล็กน้อยของคนหนึ่งคน สามารถเป็นกุญแจที่ทำให้เกิดหลายพันล้านโอกาสที่สามารถช่วยให้ชีวิตและชุมชนสร้างอนาคตที่ดีกว่าได้
7. Swiss Pavilion
Swiss Pavilion มีชื่อว่า "Reflections" ตัวอาคารได้รับการออกแบบโดย OOS Architekten, Bellprat Partner และ Lorenz Eugster สำหรับภูมิทัศน์ ภายใน Pavilion เป็นการนำเสนอภูมิทัศน์และเทคโนโลยีอันงดงามที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสวิตเซอร์แลนด์ โดย แบ่งออกเป็น 3 ส่วนเพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับลักษณะเฉพาะของประเทศและการเดินทางจากวัฒนธรรมประเพณีสู่นวัตกรรมล้ำสมัย
โดยส่วนแรกคือผู้เข้าชมที่เข้าคิวจะได้สัมผัสกับแง่มุมของชาวสวิสขณะรอเข้าแถวหน้าซุ้มกระจก ส่วนที่สองคือการเดินผ่านหมอกและการตีความทางศิลปะของภาพพาโนรามาที่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของธรรมชาติในสวิสเซอร์แลนด์ และส่วนสุดท้ายเน้นย้ำถึงสภาพแวดล้อมในเมืองและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าของสวิตเซอร์แลนด์ในฐานะประเทศแห่งนวัตกรรมชั้นนำของโลก
8. Mobility Pavilion (Alif)
Mobility Pavilion ถูกออกแบบโดย Foster + Partners ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง โลกแห่งการเชื่อมต่อที่ไร้ขีดจำกัด ประกอบด้วยพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา พร้อมด้วยรางลูกคลื่นและพื้นที่สาธิตสำหรับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีล่าสุด ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและการเชื่อมต่อผู้คน สร้างความเข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน และแลกเปลี่ยนความรู้และความคิด เพื่อขับเคลื่อนโลกไปข้างหน้า ทำลายช่องว่างระหว่างโลกทางกายภาพและโลกดิจิทัล เพื่อสร้างสังคมโลกที่กลมกลืนกันที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิด และสินค้าได้เร็วขึ้นกว่าที่เคย
9. Kingdom of Bahrain's pavilion
Pavilion นี้เป็นการออกแบบของ Christian Kerez Zürich AG ที่มี Concept หลักคือ "density" หือ “ความหนาแน่น” การตกแต่งด้านในทำจากเสาเหล็ก 126 ท่อน เส้นผ่านศูนย์กลาง 11 ซม. และสูง 24 ม. ซึ่งตัดกันเป็นครั้งคราวตลอดความสูง เพื่อสื่อถึงทรัพยากรที่จำกัด เนื่องจากบาห์เรนมีที่ดินที่มีจำนวนจำกัดและเป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของโลก แต่บาห์เรนก็มีความก้าวหน้าอยู่เสมอผ่านการค้าขายในท้องถิ่น ผู้ประกอบการ และนวัตกรรม จึงต้องการสื่อผ่านสถาปัตยกรรมว่า ความหนาแน่นสามารถสานสร้างโอกาสได้อย่างไร นอกจากนี้ภายใน Pavilion ได้จัดแสดงพัฒนาการทอผ้า ตั้งแต่การทอผ้าและการปักแบบดั้งเดิม ไปจนถึงเทคโนโลยีการทอที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น ใยแก้วและคาร์บอนไฟเบอร์ อีกด้วย
บริษัท ไร้ท์แมน มีประสบการณ์กว่า 30 ปีในการออกแบบและจัดทำนิทรรศการทุกรูปแบบ
ติดต่อ 02 726 4500
callrightman@gmail.com
www.rightman-group.com
Comments